วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

26 ขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์ให้ยอดวันละหมื่นห้า


เคล็ดไม่ลับ การสร้างเว็บไซต์ให้ผู้เข้าชมติดใจเว็บไซต์คุณ หากคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด คุณจะประสบความสำเร็จภายในหนึ่งปี ถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าเป็นภาษาไทย ยอดน่าจะได้ประมาณ 2000 คนต่อวัน หลายๆคนอาจจะไม่เชื่อว่าเป็นไปได้ ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ไม่เชื่อนั่นแหละดี เราจะได้พิสูจน์กันไปพร้อมๆกันเลยว่า อีกหนึ่งปีข้างหน้า ยอดเว็บของเราจะพุ่งถึง 2000 คนต่อวัน จริงหรือเปล่า? ลองมาทำตามไปพร้อมๆกันเลยครับ (บทความนี้ เน้นถึงการทำเว็บไซต์ที่เหมาะกับ Search Engine และดึงผู้เข้าชมจาก Search Engine เป็นหลัก)


A) เตรียมตัวให้พร้อม :

เตรียมตัวคุณให้พร้อม และเตรียมเนื้อหาให้พร้อม เนื้อหาของเว็บไซต์สำคัญกว่าชื่อโดเมนเสียอีก ถ้าหากคุณคิดชื่อโดเมนได้ แต่ไม่มีเนื้อหา คนเข้ามาก็จะรู้สึกแย่กับเว็บคุณ แล้วก็จะไม่กลับมาหาคุณอีกเลย! ทางที่ดี ควรจะเผื่อเนื้อหาไว้ให้พร้อมซัก 100 หน้าเป็นอย่างน้อย ที่สำคัญๆก็อย่างเช่น About Us หรือ Company Profile, Contact Us, Privacy Policy, Terms of Agreement เป็นต้น และถ้าเป็นไปได้ ต้องเป็นเนื้อหาที่หาที่ไหนไม่ได้ ตรงมาอ่านที่เว็บไซต์ของคุณเท่านั้น จะเยี่ยมมากๆ

B) ชื่อโดเมน :

ต้องเน้นให้ จำง่าย, พิมพ์ง่าย ยิ่งพยางค์น้อย หรือน้อยตัวอักษรได้เท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าจะให้ดีมี keyword สำคัญๆของคุณอยู่ในโดเมนด้วยยิ่งดี แต่บางคนก็คิดว่า ชื่อโดเมนที่มี keyword อยู่ด้วยนั้น "Out" ไม่ทันสมัย เชยระเบิดระเบ้อ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความชอบเป็นการส่วนตัว อย่าง SEO-Thai นี่จะถือว่ายาวก็ได้ สั้นก็ได้อีก หรือชื่อที่ไม่มีความหมายอย่าง Google ใครจะคิดว่าจะดังเปรี้ยงปร้างขนาดทุกวันนี้ นั่นขึ้นกับหลักง่ายๆที่ว่า ของดีเสียอย่าง ใครๆก็อยากได้ เพราะฉะนั้น เตรียมเนื้อหาของคุณให้ดี เอาเวลาคิดชื่อโดเมนเก๋ไก๋ไปทำเนื้อหาดีกว่า

C) ออกแบบหน้าตาเว็บไซต์ให้ใช้ง่าย และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย :

ง่ายไว้ก่อน ดีที่สุด ! ดีทั้งกับ Spiders และดีทั้งผู้เข้าชม, ดีกับ Spiders จะทำให้คนค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ง่าย และทำให้มีคนเข้ามามาก และเมื่อเข้ามาแล้วเว็บไซต์ใช้งานง่าย ทำความเข้าใจง่าย เนื้อหาก็ดี โดเมนจำง่าย ใครจะไม่เข้ามาอีก :) คุณอาจจะถามไปอีกว่า ง่ายน่ะ ง่ายยังไง เว็บของผมไม่เห็นจะใช้งานยากตรงไหนเลย? ผมมีวิธีทดสอบสองวิธีครับ

วิธีแรก ให้ลองนึกไปถึงวันแรกๆที่คุณใช้คอมพิวเตอร์ เล่นอินเทอร์เนต ความรู้สึกในวันนั้น คุณคงจำได้ว่า มันเงอะๆงะๆไปหมด ปุ่มไหนคืออะไร จะไปหน้าอื่นต้องทำอย่างไร รู้สึกว่ามันมีปุ่มอะไรต่างๆเยอะแยะไปหมด เอาง่ายๆ Mouse ยังใช้ไม่คล่องเลย! จริงมั้ยครับ? ลองนึกไปถึงวันนั้น แล้วดูเว็บของคุณอีกทีว่า ถ้าคุณในวันนั้นมาเข้าชมเว็บคุณ จะรู้สึกอย่างไร?

วิธี ที่สอง เป็นวิธีทดสอบโดยใช้อาสาสมัคร โดยคุณจะต้องหาคนที่ไม่เคยใช้เว็บของคุณเลย จะเป็นคนที่ใช้อินเทอร์เนตคล่องอยู่แล้ว หรือจะเป็นมือใหม่หัด Serve Net ก็สุดแท้แต่ ขอให้มีเขายินดีมาเป็นตัวทดสอบเป็นใช้ได้ การทดสอบก็ง่ายๆ โดยการที่คุณตั้งโจทย์ให้ผู้ทดสอบทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ เช่น อาจจะให้ลองเลือกซื้อของ หรือหาบทความที่มีอยู่ในเว็บ และคุณนั่งดูอยู่ข้างหลัง ดูอย่างเดียวนะครับ ห้ามแนะนำใดๆทั้งสิ้น ดูว่าเขาใช้งานได้คล่องเหมือนคุณหรือเปล่า? ถ้าไม่เกิน 20 นาทีก็ถือว่าผ่านครับ :)

อีกอย่างก็คือต้องพยายามจัดเนื้อหาของหน้าแรกให้ตรงกับกลุ่มคำ หรือข้อความในหัวข้อหลักของเว็บ มันจะมีความจำเป็นเมื่อ search engine ส่ง bot มาสำรวจเว็บของคุณมันจะได้รู้สึกว่าเว็บของคุณมีเนื้อหาไปในทำนองเดียวกับ meta-tag หรือ title จริงๆ

ความเร็วอาจจะไม่ใช่ทุกอย่าง การทำให้โหลดเร็วเข้าว่าเพียงอย่างเดียวก็อาจจะทำให้เว็บขาดความน่าสนใจไป มันอยู่ที่ว่าคุณจัดสรรหรือคัดเรื่องเด่นแค่ไหนเข้ามาลงหน้าแรก อ่านต่อ


วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตทำอะไร?

Hosting

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เผยผลการสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยปี พ.ศ. 2551 ซึ่งปีนี้มีคำถามพิเศษเกี่ยวกับการใช้งานสังคมออนไลน์

จากการสำรวจตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย. 2551 มีผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เนคเทค และเว็บไซต์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 14,809 คน โดย 40% ตอบแบบสอบถามผ่านเว็บไซต์เดลินิวส์ (www.dailynews.co.th)

ผลการสำรวจสรุปว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 57.6% ชาย 42.4% อยู่ระหว่างช่วงอายุ 20-29 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา

แต่ที่น่าจับตามอง คือ ผลสำรวจปีนี้พบว่า ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่นิยมเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตจากที่ทำงานเพิ่ม สูงขึ้น จากปีที่แล้ว 38.6% เป็น 44.9% ขณะที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตจากที่บ้านก็มีปริมาณลดลงจาก 47.9% ในปีที่แล้วเหลือ 44.8% และการใช้งานในร้านอินเทอร์เน็ตก็มีปริมาณลดลงจาก 7.8% ในปีที่แล้ว เหลือเพียง 2.4%

ซึ่งการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเอดีเอสแอล หรือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) มีปริมาณสูงถึง 43.5% สวนทางกับการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน ไดอัล-อัพ ซึ่งมีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่องล่าสุดเหลือ 10.3% จาก 14.3% ในปีที่แล้ว และที่น่าจับตามองมากที่สุด คือการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือที่มีปริมาณสูงขึ้นอย่างมาก จาก 2.8% ในปีที่แล้ว เพิ่มเป็น 7.1% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกิจกรรมที่นิยมทำมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ตยังเป็นการค้นหาข้อมูล 31.4% อ่านอีเมล 23.0% และติดตามข่าวสาร 10.3% เพิ่มขึ้นจาก 8% ในปีที่แล้ว โดยช่วงเวลาที่มีปริมาณการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ 20.01- 24.00 น. คิดเป็น 29.3% อ่านต่อ

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

การสื่อสารกับหุ่นยนต์กระต่ายโดยใช้ระบบสัมผัส


หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นเพื่อนเล่นให้กับคนที่ชอบ เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบทันสมัยทั้งหลาย อย่างสัตว์เลี้ยงหุ่นยนต์ก็คือ หุ่นยนต์กระต่าย ซึ่งการพัฒนาหุ่นยนต์กระต่ายในครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักอีกอย่างก็เพื่อใช้ ในการศึกษาค้นคว้าวิจัยในด้านของความสัมพันธ์และการแสดงความรู้สึกของมนุษย์ ต่อหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์ที่ทันสมัยอื่นๆผ่านทางการสัมผัส ลูบคลำ เหมือนดังเช่นที่เราแสดงความรู้สึกกับสุนัขของเราด้วยการลูบหัวสุนัข

Steve Yohanan นักวิจัยทางด้านหุ่นยนต์จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย รัฐแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาหนึ่งในทีมผู้พัฒนาหุ่นยนต์กระต่ายกล่าวว่า ทีมนักวิจัยได้พยายามศึกษาค้นคว้าพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารสื่อสาร มีปฏิกิริยาตอบสนองกับคนได้มากกว่าที่หุ่นยนต์ทั้งหลายเคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสียง การรับรู้ด้วยสายตา ให้สามารถตอบสนองในแบบอวัจนภาษาได้ นั่นก็คือการแสดงท่าทาง การแสดงความรู้สึกผ่านทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับความรู้สึกสัมผัส แต่อย่างไรก็ดี ปัญหาหลักของหุ่นยนต์ที่ต่างจากสิ่งมีชีวิตก็คือ หุ่นยนต์จะไม่มีส่วนของประสาทสัมผัสในโครงสร้างร่างกายจึงทำให้ลักษณะการโต้ ตอบหรือปฏิสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากมากในการพัฒนาให้ทำงานได้สมบูรณ์ แบบเทียบเท่าสิ่งมีชีวิต

Yohanan ยังเปิดเผยอีกว่า โครงการวิจัยในครั้งนี้ได้แนวคิดมาจากการที่เขาเคยเลี้ยงแมวไว้เมื่อหลายปี ก่อน โดยเจ้าแมวชอบมานั่งเล่นบนตักของเขาในเวลาที่เขาทำงาน และYohananได้ลูบหัวของแมวและเกาเบาๆก็สามารถรู้สึกได้ถึงเสียงครางเบาๆของ เจ้าเหมียวที่แสดงถึงความพึงพอใจ โดยเขาก็หวังที่จะพัฒนาหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงให้มีลักษณะในการรับรู้และการตอบ สนองที่คล้ายกับเหล่าสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตจริงๆ

Hosting

ในส่วนของหุ่นยนต์กระต่ายที่ได้มีการเพิ่มการทำงานในส่วนของการรับรู้ ผ่านการสัมผัสไม่ว่าจะเป็นการส่งเสียงครางหรือส่งเสียงอื่น และแสดงท่าทางในแบบอื่นๆเพื่อบ่งบอกความรู้สึกจึงทำให้หุ่นยนต์กระต่ายถือ เป็นหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงที่มีลักษณะใกล้เคียงกับสัตว์ที่มีชีวิตจริงมาก โดยเฉพาะในแง่ของปฏิกิริยาการโต้ตอบกับคน โดยหุ่นยนต์กระต่ายมีความยาวประมาณ 35 เซนติเมตร มีขนสั้นปุกปุยรอบตัวคล้ายกับกระต่ายจริง โดยภายในตัวของกระต่ายจะมีส่วนของอุปกรณ์ที่เป็นตัวตรวจจับแรงสัมผัสหรือตัว เซ็นเซอร์เพื่อตรวจสอบแรงสัมผัส ว่ามีลักษณะยังไง มีความแรงเท่าใดถ้าหากมีการลูบคลำหรือแตะต้อง ซึ่งกระต่ายจะสามารถตอบสนองโดยการขยับตัวไปมาเล็กน้อยหรือส่งเสียงครางเบาๆ หรือการขยับหูเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าการตอบสนองของหุ่นยนต์กระต่ายจะทำได้ค่อนข้างน้อย แต่ทางทีมนักพัฒนาก็ยังมีแผนต่อยอดที่จะให้หุ่นยนต์กระต่ายสามารถตอบสนองต่อ การสัมผัสได้ในหลากหลายรูปแบบมากขึ้น อีกไม่นาน สัตว์เลี้ยงของมนุษย์เราอาจจะต้องให้อาหารเป็นการเติมประจุไฟหรือเปลี่ยน ถ่านก็เป็นได้

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

10 เหตุผลของการนำธุรกิจมาเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต

500 – 1,000 Web Site ของบริษัทต่อวัน 2 - 10 % ของการใช้อินเทอร์เน็ตต่อสัปดาห์ คือ สถิติการเพิ่มขึ้นของเว็บไซต์ธุรกิจ และปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตของโลก (จากนิตยสาร Mediaweek ประเทศสหรัฐอเมริกา) นับเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการเติบโต ของอินเทอร์เน็ต และน่าศึกษาถึงเหตุผล ที่อินเทอร์เน็ตได้รับความสนใจ เป็นอย่างมาก จากผู้ประกอบธุรกิจ จนนำธุรกิจของตนเองมา ไว้บนอินเทอร์เน็ต มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง

จากประสบการณ์ของผมที่ได้จัดอบรมและสัมมนามา รวมทั้งได้มีโอกาสให้คำแนะนำปรึกษาแก่นักธุรกิจหลายท่าน ประกอบกับได้ ศึกษากรณีศึกษาของ บริษัทที่นำอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้ สามารถประมวลเหตุผลต่างๆ ได้ 10 เหตุผลที่จูงใจ ผู้ประกอบธุรกิจ ให้สนใจอินเทอร์เน็ต และนำธุรกิจของตนเองมาไว้บนอินเทอร์เน็ต ด้วยการจัดทำเว็บไซท์ เพื่อประโยชน์ทางตรงและทางอ้อมต่อธุรกิจตนเอง 10 เหตุผลของการนำธุรกิจมาเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต

1. เพื่อให้ธุรกิจของตนเองพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทางอินเทอร์เน็ต

เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีผู้ใช้จำนวนเป็นร้อยล้านคนจากทั่วโลก และมีอัตราการเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัวทุกปี ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจแล้ว ทุกคนไม่ควร มองข้ามตลาด และช่องทางการตลาดขนาดใหญ่ เช่นนี้ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่อง สถานประกอบการ เวลาทำการของธุรกิจ ด้วยต้นทุนที่ประหยัด ดังนั้นบริษัทต่างๆ ที่รู้จักคุณประโยชน์ข้อนี้ จึงอดใจไม่ได้ ที่จะต้องพัฒนาธุรกิจ ของตนเอง โดยอาศัยคุณสมบัติของอินเทอร์เน็ตในการเตรียมความพร้อม ให้บริการทาง อินเทอร์เน็ตแก่ลูกค้า ที่เป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ก่อนที่คู่แข่งของตนเองจะจับจองผูกใจลูกค้าไว้หมดแล้ว

2. เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเครือข่ายของธุรกิจ

ในการดำเนินธุรกิจการค้า การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ขายวัตถุดิบ หรือ ผู้ให้บริการ ด้านต่างๆ แก่บริษัท เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก วิธีการสำคัญวิธีหนึ่งที่ นักธุรกิจใช้ในการ สร้างความสัมพันธ์และ เครือข่ายทางธุรกิจ ของตนเอง เมื่อได้มีโอกาสพบผู้ที่เกี่ยวข้องคือ การให้นามบัตร (Business Card) ซึ่งนามบัตรแบบทั่วไป จะให้ข้อมูลว่าตนเอง เป็นใคร อยู่ที่ไหน ขายสินค้า/ให้บริการอะไร แต่ในนามบัตรของนักธุรกิจที่มี Web Site ของตนเองนั้นจะบอกที่อยู่ บนอินเทอร์เน็ตของบริษัท คือ www.company-name.com ทำให้ผู้ที่มีความสนใจในบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าในต่างประเทศ สามารถดูข้อมูลของบริษัท สินค้า หรือบริการได้อย่างสะดวก และสามารถติดต่อสื่อสารกับบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน และประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโอกาสขยายเครือข่ายของธุรกิจได้มากขึ้นอีกด้วย อ่านต่อ


วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เทรนด์ ไมโครเตือนภัย ช่องโหว่ที่เป็นอันตรายต่อดีเอ็นเอส

โปรดระวังภัยคุกคามข้อมูลบนเว็บที่จะเปลี่ยนไปเป็น “ภัยคุกคามระดับสูง” จากเดิมที่เป็นเพียงแค่ภัยคุกคาม “ปกติ” ที่มักจะเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของพวกเราที่เชื่อมต่อไปยังดีเอ็นเอส หรือ DNS (Domain Name System) ซึ่งอาจจะถูกโจมตีจากภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ได้ คำอธิบายสำหรับอันตรายที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากภัยคุกคามในปัจจุบันที่อยู่ในระดับ “สูง”


เมื่อเร็วๆ นี้พบว่าดีเอ็นเอส (DNS) ที่ถูกโจมตีจากภัยร้ายที่ซ่อนอยู่นั้นมีผลกระทบกับผู้ค้าผลิตภัณฑ์ทั่วโลก สำหรับฝ่ายบริหารจัดการระบบไอทีมองว่าสภาพแวดล้อมแบบนี้ควรจะตรวจสอบช่องทางรักษาความปลอดภัยไอทีอย่างใกล้ชิดและจัดการแก้ไขช่องโหว่(แพทช์)โดยอัตโนมัติ รวมทั้งนำเทคโนโลยีการป้องกัน และการตรวจสอบสำหรับการรักษาความปลอดภัยที่ดีพอมาใช้ ดังนั้นผู้ใช้ตามบ้าน(โฮมยูส)หรือผู้ใช้งานทั่วไปจึงควรมั่นใจว่าได้จัดการแก้ไขช่องโหว่(แพทช์) ให้อัพเดทและติดตั้งเทคโนโลยีการป้องกันภัยคุกคามข้อมูลให้พร้อมอยู่เสมอ


พอล เฟอร์กูสัน นักวิจัยด้านภัยคุกคามขั้นสูง บริษัท เทรนด์ ไมโคร ให้ความเห็นว่าทุกองค์กรทั่วโลกที่มีเซิร์ฟเวอร์ดีเอ็นเอสเป็นของตนเองควรให้ความสนใจอย่างมาก สิ่งสำคัญในการระบุว่าคุณตกอยู่ในภาวะเสี่ยง และมีช่องโหว่ที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในปัจจุบัน นี่ไม่ใช่แค่ช่องโหว่ร้ายแรงแต่ยังมีเป็นช่องโหว่ที่สร้าง “สีสัน” บางอย่างให้เกิดขึ้นด้วย


อันดับแรก หน่วยงานด้านระบบคอมพิวเตอร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา US-CERT (United States Computer Emergency Readiness Team) ได้เผยแพร่คำแนะนำเกี่ยวกับช่องโหว่นี้เมื่อปลายเดือนกรกฏาคม 2551 และได้ให้ข้อมูลอ้างอิงอย่างละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบบนหน้าคำแนะนำนั้นด้วย กรุณาเยี่ยมชมหน้าคำแนะนำเพื่อตรวจดูว่าโครง สร้างพื้นฐานดีเอ็นเอสของคุณตกอยู่ในภาวะเสี่ยงหรือไม่ อ่านต่อ


วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

"กฎ 23 ข้อ" ทำให้เว็บน่าสนใจ

เป็นกฎง่ายๆ ที่บางครั้งเหมือนเส้นผมบังภูเขา ทำตามได้ไม่ยาก เพื่อให้เว็บไซต์เป็นที่ดึงดูดของผู้ใช้มากที่สุด



กฎ 23 ข้อดังต่อไปนี้ เป็นการวิจัยของ 3 สถาบัน ได้แก่ The Poynter Institute, the Estlow Center for Journalism & New Media, และ Eyetools ภายใต้โครงการ “The Eyetrack III” ซึ่งศึกษาถึงกลยุทธ์การออกแบบเว็บไซต์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ให้มากที่สุด อ่านต่อ



วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551

จะทำอย่างไร? เมื่อชื่อโดเมนถูกขโมย

เว็บฯ หาย! ชื่อโดเมนถูกขโมย ก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านหาย จากมีที่อยู่ก็กลายเป็นไร้ที่อยู่ เท่านั้นยังไม่พอ รายได้หดหาย ลูกค้าเดิมหนีอีกต่างหาก แล้วทีนี้จะตามบ้านคืนจากพวกมิจฉาชีพที่มาแอบขโมยไปได้อย่างไร? จะต้องเสียค่าไถ่ไหม? แล้วจะไปขอให้ใครช่วยทวงบ้านคืนดี?

เว็บไซต์สุดรัก ชื่อโดเมนแสนหวงอยู่ดีๆ ก็ถูกขโมย เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เพิ่งจะเคยเกิดขึ้น หลายๆ คนต้องเจอะเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว บ้างก็ต้องเสียค่าไถ่ให้กับมิจฉาชีพพวกนี้ไปเพื่อจะให้ได้ชื่อโดเมนของตัวเองคืนมา บางรายไม่มีเงินเสียค่าไถ่ก็ต้องตัดใจปล่อยให้ชื่อโดเมนนั้นไปอยู่ในมือโจรไป แล้วไปสร้างใหม่ในภายหลัง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาและพลังงานอีกมาก กว่าจะมีคอนเทนต์และคนเข้าชมเท่าของเดิม

แต่เมื่อถึงยุคที่อินเตอร์เน็ตบูมเช่นนี้แล้ว ยุทธวิธีการเรียกของตัวเองคืนก็ย่อมเปลี่ยนไป ไม่ต้องดิ้นรนอยู่คนเดียวอีกต่อไป เพราะมีหลายฝ่ายให้ความสำคัญ และร่วมมือรักษาสิทธิ์ รักษาผลประโยชน์ที่เสียไป เพื่อให้เจ้าทุกข์ได้ของตัวเองคืนมา

เพิ่งจะมีเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ผ่านไปเมื่อเร็วๆ นี้กับเว็บไซต์ Bcoms.net ถูกขโมยชื่อโดเมนแล้วเรียกกลับคืนมาได้ แม้ว่ารายนี้จะไม่ต้องเสียเงินค่าไถ่เพื่อซื้อเว็บฯ ตัวเองคืนจากโจร แต่ก็ต้องสูญเสียลูกค้าเดิมไปบางส่วน และยังถูกเข้าใจผิดว่ากลายเป็นเว็บไซต์ที่ทำเรื่องอนาจารไป รายได้ที่ต้องสูญเสียไปในช่วงที่ชื่อโดเมนถูกขโมยยังไม่เท่ากับชื่อเสียงที่ต้องพังทลายและต้องใช้เวลากู้คืนมาใหม่

แล้วถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับคุณจะทำอย่างไร?

  1. ติดต่อกับผู้ให้บริการรับจดทะเบียนชื่อโดเมนหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าชื่อโดเมนเว็บไซต์ของคุณถูกขโมยอย่างแน่นอนแล้ว ควรจะรีบแจ้งไปยังผู้ที่รับจดทะเบียนชื่อโดเมนที่คุณไปใช้บริการอยู่ เพื่อแจ้งเรื่องการถูกขโมยชื่อโดเมนให้ทราบ และขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของ ICANN หรือ Internet Corporation for Assigned Names and Numbers ซึ่งก็คือหน่วยงานทางเทคนิคที่ดูแลรับผิดชอบความมีเสถียรภาพของระบบอินเตอร์เน็ตโลก มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการแจกจ่ายชื่อโดเมนและหมายเลข IP Address เพื่อขอชื่อโดเมนคืน รวมทั้งให้ช่วยติดต่อไปยังผู้ให้บริการจดชื่อโดเมน ที่ชื่อโดเมนเว็บไซต์ของคุณถูกโอนย้ายไป


  2. ค้นหาเอกสารเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ

  3. หลังจากที่แจ้งเรื่องไปแล้วคุณก็ต้องมีหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของชื่อโดเมนของคุณด้วย เช่น อีเมล์ยืนยันการจดทะเบียนชื่อโดเมนจากผู้ให้บริการรับจดทะเบียนชื่อโดเมน เอกสารการชำระเงินค่าจดทะเบียนชื่อโดเมน และข้อมูลการตรวจสอบชื่อ และสิทธิ์การครอบครองชื่อโดเมนจากระบบค้นหาชื่อโดเมน (Whois) ที่มีให้บริการบนเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งจะทำให้ทราบว่าชื่อโดเมนนี้ใครเป็นเจ้าของ เช่นที่ Internic.com, Thnic.co.th, Checkdomain.com เป็นต้น

    นอกจากนี้ก็ควรจะมีเอกสารของการถูกขโมยโดเมนที่พอจะรวบรวมได้เตรียมเอาไว้ด้วย เช่น อีเมล์แจ้งการโอนย้ายชื่อโดเมนไปยังผู้ให้บริการรายอื่น ข้อมูลการติดต่อกับมิจฉาชีพที่อาจจะติดต่อมาเพื่อขอเรียกค่าไถ่ชื่อโดเมน เป็นต้น
    ขอหนังสือรับรองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือชมรมผู้ประกอบการธุรกิจโฮสติง
    หลังจากเตรียมเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้วก็ต้องไปขอหนังสือรับรองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือชมรมผู้ประกอบการธุรกิจโฮสติง เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของชื่อโดเมนของตัวเองอีกครั้ง โดยปัจจุบันมีกฎหมายคุ้มครองในกรณีที่เกิดปัญหาการขโมยโดเมน หรือมีการทำให้เว็บไซต์เสียหายโดยที่เจ้าของชื่อโดเมนนั้นไม่ยินยอม ซึ่งจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท


  4. ส่งเอกสารไปยัง ICANN เพื่อขอเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของ

  5. หลังจากเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการส่งเอกสารไปยัง ICANN ซึ่งขั้นตอนนี้คงต้องร่วมมือกับผู้ให้บริการรับจดทะเบียนชื่อโดเมน ในการส่งเอกสารต่างๆ ต่อไปให้ยัง ICANN รวมทั้งยังต้องรอการตรวจสอบเอกสาร และรอคำยืนยันความเป็นเจ้าของจาก ICANN อีกครั้ง


  6. ส่งเอกสารไปยังผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนที่มิจฉาชีพโอนย้ายชื่อโดเมนของคุณไป

  7. ถึงเวลาทวงคืนชื่อโดเมนสักที หลังจากที่ต้องยุ่งยากกับการดำเนินการเรื่องเอกสารอยู่นาน สำหรับขั้นตอนนี้อาจจะยุ่งยากและใช้เวลาอยู่สักหน่อย เพราะเหตุการณ์ถูกขโมยโดเมนเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และทุกๆ วันก็จะมีการแจ้งเรื่องการถูกขโมยชื่อโดเมนไป ซึ่งมีทั้งที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องหลอก ดังนั้นหากคุณไม่มีหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของที่ชัดเจน ไม่มีการตามเรื่อง ไม่มีการชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่แรก โอกาสที่คุณจะทวงคืนชื่อโดเมนของคุณกลับคืนมานั้นอาจจะไม่สำเร็จ

    เมื่อเจอปัญหาการขโมยโดเมนเช่นนี้แล้ว บางรายอาจจะตัดปัญหาด้วยการทิ้งโดเมนนั้นไป ไม่มีการแจ้งความ เพราะกลัวความยุ่งยากเรื่องเอกสารและการดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะการใช้บริการจดทะเบียนโดเมนกับบริษัทในต่างประเทศก็ยิ่งยุ่งยากในเรื่องของภาษาที่อาจจะสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจ ดังนั้นการเลือกใช้บริการจดทะเบียนชื่อโดเมนกับบริษัทในประเทศไทยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า อย่างน้อยก็ตัดปัญหาเรื่องการสื่อสารออกไปได้ รวมทั้งหากเกิดปัญหาก็ยังตามตัวกันได้ ขอความช่วยเหลือกันได้อีกด้วย
    อ่านต่อ